ระหว่างไวน์โลกเก่ากับไวน์โลกใหม่ มักถูกกเข้าใจผิดอยู่เสมอ และบางคนก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าไวน์ทั้งสองชนิดมีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร หากลองเข้าได้ไปสัมผัสและเรียนรู้จะพบว่ามีความต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งจะทำให้เราเลือกได้ว่าจะดื่มไวน์แบบไหนที่เหมาะกับความชอบของตัวเองและใช้สำหรับนำไปฝากผู้อื่น ๆ จึงอยากอธิบายให้เห็นถึงความแตกต่างให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ความต่างของไวน์โลกเก่า และโลกใหม่
ไวน์โลกเก่า หรือ Old World Wine เป็นไวน์ที่มีแหล่งผลิตอยู่ในแถบทวีปยุโรป ซึ่งถือได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของไวน์ ไม่ว่าจะเป็น ประเทศอิตาลี สเปน โปรตุเกส ออสเตรีย เยอรมัน ฮังการี กรีซ และที่ขาดไปไม่ได้คือประเทศฝรั่งเศส นับได้ว่าเป็นต้นตำหรับของการผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกเลยทีเดียว ซึ่งในแต่ประเทศเหล่านี้มีการผลิตและดื่มไวน์กันมามากกว่า 5 ทศวรรษแล้ว นอกจากจะเป็นสถานที่ผลิต จำหน่าย ดื่ม กันอย่างแพร่หลาย ยังเป็นสถานที่สร้างกฎเกณฑ์ ข้อกำหนด และเทคนิควิธีการต่าง ๆ ตั้งแต่การเริ่มต้นปลูกองุ่นที่เป็นวัตถุดิบสำคัญ การหมักในถังโอ๊ค ขั้นตอนการดื่ม วิธีการดื่ม แก้วที่ใช้ อาหารที่ทาน และอื่น ๆ อีกมากมายอีกด้วย โดยกระบวนการเหล่านี้สืบถอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นกันเลยทีเดียวจวบจนปัจจุบัน ในส่วนของไวน์โลกใหม่ New World Wine เป็นไวน์ที่ผลิตนอกเหนือไปจากประเทศในแถบยุโรป และมีการผลิตออกมาในภายหลัง อย่างเช่น อเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ แอฟริกาใต้ อาร์เจนติน่า รวมถึงแถบเอเชีย เช่น อินเดีย ญี่ปุ่น จีน รวมถึงประเทศไทยด้วย เป็นการนำวัฒนธรรมการผลิตไวน์เดิมมาปรับใช้ให้เข้ากับขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมพื้นถิ่นนั้นเอง ซึ่งในไวน์ใหม่นี้อากาศจะอุ่นกว่าทำให้ผลองุ่นนั้นสุกได้ที่กว่า ทำให้ในตัวของไวน์มีจำนวนแอลกอฮอล์ และ Body ที่สูงตามมาด้วย ส่งผลให้รสชาติของผลไม้ออกมาได้อย่างเด่นชัด และส่วนมากในกระบวนการผลิตจะใช้ถังโอ๊คมากกว่าด้วย
รสชาติสัมผัสที่มีความแตกต่าง
สำหรับความแตกต่างในเรื่องของรสชาติของไวน์ทั้งสองโลกนั้นอยู่ที่วัตถุดิบในการผลิต ซึ่งโลกใหม่วัตถุดับอย่างต้นองุ่นถูกปลูกในอุณหภูมิที่อุ่นกว่า ส่งผลให้มีรสชาติบ่งบอกได้ถึงแหล่งที่ปลูกแต่ละแห่งเป็นอย่างดี ส่วนโลกเก่านั้นมีการปลูกวัตถุดิบในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็นจัด ดังนั้นไวน์โลกเก่าจึงมีลักษณะของ Body จำนวนแอลกอฮอล์ที่เบากว่านุ่มกว่า และให้ความเป็น Acidity สูงกว่าด้วย รสสัมผัสจึงออกไปทางแร่ธาตุมากกว่าการเป็นผลไม้ ความสุกจะไม่มาก เช่น องุ่นของ Pinot Noir, Syrah หรือ Cabernet Sauvignon ที่ให้รสชาติเป็นแร่ธาตุเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโลกเก่าจะไม่มีแบบรสชาติผลไม้ไปเลยทีเดียว ในประเทศอิตาลี บางยี่ห้อผลิตไวน์ออกมาได้รสชาติของผลไม้ที่ดี มีความหรูหรา ซึ่งเป็นเสน่ห์ของไวน์ยุคเก่าที่ให้ทั้งรสชาติละมุนลิ้น และมีกระบวนการผลิตเป็นขั้นเป็นตอน จึงมีความแตกต่างอย่างชัดเจนกับไวน์โลกใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการปลูกองุ่น การคัดเลือก กระบวนการหมัก รวมไปถึงการใช้โอ๊คที่ให้ความรู้สึกถึงรสชาติผลไม้ และ Full-Bodied รวมถึง Innovation ได้มากกว่านั้นเอง
แม้ว่าไวน์ทั้งสองโลกจะมีความแตกต่างชัดเจนจากแหล่งผลิต ซึ่งไวน์โลกเก่า จะมี Body รวมถึงแอลกอฮอล์ที่เบากว่า แต่ให้ความเป็น Acidity สูงกว่า รสสัมผัสจึงออกไปทางแร่ธาตุเป็นส่วนใหญ่ แต่ความคลาสสิคในเรื่องของกระบวนการผลิต แหล่งผลิต และประวัติศาสตร์ที่ยาวนานทำให้หลายคนยังหลงไหลในรสชาติและความรู้สึกถึงความเป็นไวน์ แต่หากผู้ที่ชื่นชอบไวน์ที่มี Body และแอลกอฮอล์สูง ได้รสชาติผลไม้ต้องไวน์โลกใหม่ ชื่นชอบแบบไหนเลือกทานกันได้เลย
เครดิตภาพ : thestandard.co / all-free-download.com / mycanopy.org
Youtube :
ไวน์โลกเก่า VS ไวน์โลกใหม่ โลกไหนดีกว่ากัน ?
OLD WORLD WINES ไวน์โลกเก่า
กฎเกณฑ์การผลิตไวน์ในโลกเก่า(ทวีปยุโรป)
#ไวน์โลกเก่า VS ไวน์โลกใหม่ #แนะการเลือกไวน์ #เลือกไวน์อย่างไรดี